[รีวิว] เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่ สายสัมพันธ์สีชาด ท่านริมุรุ กลับมาฉบับภาพยนตร์

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่ โดยส่วนตัวผู้เขียนนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบดูอนิเมะแนวโชเน็ง ที่มีมุกตลกโปกฮาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สายคอมเมดี้แฟมิลี่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ต่างโลกแฟนตาซี แนวมะนาวต่างนุดมนุษย์ต่างดาวยิ่งชื่นชอบเป็นที่สุด

ครั้งแรกที่เจอเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีคิดอันใด รู้สึกแค่ว่า อะไร? ชื่อเมะเรื่องนี้ทำไมมันยาว “เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว” เอ้า! นอกจากชื่อยาว ยังมีการตัดเพ้อในชื่อเรื่องอีก หน้าปกก็เป็นสไลม์สีฟ้าตัวนุ่ม ๆ น่ากินเหมือนเยลลี่ หลายครั้งที่เจอผู้เขียนชอบจินตนาการรสชาติของมันตลอดว่ารสชาติมันจะเป็นแบบไหนนะ นอกเรื่องอีกแล้วกลับมา ๆ

ค่ะ กลับมาที่ชื่อยาวน่าสนใจ ก็กดเข้าไปดู เอ้า เรียบร้อยท่านริมุรุเป็นจอมมารเรียบร้อย ครั้งแรกที่เจอยังเป็นหนุ่มโสดที่นอนตายเพราะซวยโดนแทง ได้เกิดใหม่อยู่ต่างโลก แถมเกิดมาก็เป็นสไลม์มอนเตอร์เลเวลต่ำเตี้ยเรี่ยดินโดนตีก็ตาย คิดเพียงว่าจะเอาชีวิตรอดอยู่บนโลกนี้ให้ได้เฉย ๆ กลายเป็นว่าตัวเองได้สะสมพลังมหาศาลขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นจอมมารผู้ปกครองประเทศอันเป็นที่รักของทุกคน และผู้เขียนก็โดนเมะเรื่องนี้ตกอย่างไม่ต้องสงสัย นายแน่มาก ริมุรุ เทมเพสต์

และด้วยความที่โชคชะตาเห็นใจ ได้รับความโชคดี ผู้เขียนจึงได้ไปดูหนังรอบสื่อ เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว : สายสัมพันธ์เลือดสีชาด ค่ะ อ้ากก🤓 กราบกอง บก. 365 องศา แน่นอนว่าต้องไม่พลาดที่จะมารีวิวหลังชมให้กับทุกคนอ่านกัน

หน้างาน เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่

เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่ เรามาพูดถึงความเอาใจใส่ของการจัดรอบพิเศษจากทางแจมที่ได้นำเรื่องนี้เข้ามาให้เราได้ดูกันนะคะ เขาได้ทุ่มเททุ่มทุนอย่างมาก มีทั้งมุมถ่ายรูป มุมขายโปสเตอร์ มุมขายหนังสือจากสำนัก รักพิมพ์ ให้หาซื้อเล่มไหนไม่ได้อาจได้เจอที่งานนี้

และที่สำคัญ เราจะได้เจอท่านริมุรุ ยักษ์ ความกว้างขนาด 6 เมตร ใหญ่ตัวเบิ้มให้เราได้เข้าไปถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกอีกด้วยค่ะ แถมตั๋วรอบพิเศษก็ออกแบบมาสวยงามเหมาะกับการเก็บสะสมดูดีมาก ๆ

เข้าเรื่องการรีวิวหลังจากดู

เนื้อเรื่องของหนัง ภาค สายสัมพันธ์สีชาด เป็นตัวเสริม ที่อาจารย์ Fuse แต่งขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวระหว่างตอนใด สตูดิโอ 8-Bit ก็เลยจัดภาพยนตร์ยาว ให้เหล่าแฟนคลับที่ยังคิดถึงติดตามรู้เรื่องของท่านริมุรุซะเลย

ตัวหนังเป็นการเล่าเรื่องหลังจากริมุรุได้เป็นจอมมารแล้วเกิดอะไรขึ้น ทำให้ผู้ชมที่เคยดูจบไปแล้วหายคิดถึงไปหนึ่งเปลาะ และทำให้แฟน ๆ แอบเกิดความหวังหลังเจอตัวละครใหม่ 3 ตัวโผล่มา แต่ก็จบลงแบบหักมุมอย่างสวยงาม ทิ้งปมใหญ่ไว้ให้ผู้ชมแก้ จะมีภาคต่อเร็ว ๆ นี้ไหม? ใกล้จะได้ชมตอนต่อไปภาคต่อหรือไม่? แอบนั่งรอเครดิตเผื่อมีเปรย ๆ ให้เราเห็น แต่ก็ไม่มี

การเล่าเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นทั้งในซีรีส์และภาพยนตร์ การยิงมุกตกมุกของตัวละคร ทำออกมาได้ไม่เคยผิดหวัง คนที่เข้าไปชมในโรงหัวเราะกันเฮฮามาก เมื่อถึงเวลาซีเรียสตัวหนังก็ทำออกมาทุกคนใจจดใจจ่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ อยากรู้เรื่อย ๆ ว่าแล้วจะทำอย่างไร ตัวเอกจะแก้ปัญหาอย่างไร เรียกว่าลุ้นไปกับตัวละครแต่ละตัวก็ว่าได้

การเขียนบทด้วยความที่เป็นการ์ตูนที่มีความหลากหลายทางสายพันธ์ ทำให้คาแรกเตอร์ก็หลากหลายไปตาม ๆ กัน แม้กระทั่งตัวละครใหม่ ก็แตกต่างได้อีก เรียกว่านิสัยของแต่ละคนชัดเจน พอเอามาอยู่รวมกันก็ไม่รู้สึกสะเปะสะปะ มันกลมกลืน ทุกคนทำหน้าที่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี เหมือนกับตัวเรื่องกำลังสอนผู้ชมภายในตัว ไม่ว่าเราจะต่างสีผิว ต่างเพศ ต่างความคิด ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้นั่นเองค่ะ

หากจะให้กล่าวถึงหัวใจหลักอนิเมะเรื่องนี้ จริงๆ เรื่องนี้แต่เดิมได้เสนอเรื่องการเมืองการปกครองมาตั้งแต่แรก เราจะสังเกตได้ว่า ผู้ปกครองเมืองที่ดีประชาชนก็รัก แม้ว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหน หากผู้ปกครองใช้อำนาจโดยไม่สนประชาชน หากเมืองไหนยังคดโกง มีหนอนบ่อนไส้ต่าง ๆ เมืองทั้งเมืองก็ล่มสลาย ไม่ก็ชาวเมืองอดอยากแล้งแค้น แต่ตัวเอกของเรื่องนี้แม้มีอำนาจมหาศาลก็ยังคิดถึงประชาชนพวกพ้องเสมอ จึงทำให้คนทั้งประเทศจงรักภักดี เมืองรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน

อย่างภายในหนังภาคนี้ก็ยังแสดงให้เราเห็น เช่น ช่วงหนึ่งที่ ท่านริมุรุพูดทำนองว่า ถึงเขาจะเป็นคนตั้งชื่อให้ทุกคน เป็นคนปกครองประชาชน แต่เขาก็ไม่สามารถไปบังคับจิตใจของประชาชนของเขาได้

เราดูเผิน ๆ อาจจะไม่ได้คิดอะไรเป็นเพียงแค่ฉาก ฉากหนึ่งในการ์ตูน หยอดมุกเฮฮาเหมือนเป็นการ์ตูนตลก แต่อันที่จริง เนื้อเรื่องกลับมีการสอนคติ การใช้ชีวิตร่วมกันภายในสังคมให้เราโดยไม่รู้ตัว

ทั้งตัวละครใหม่ที่เสนอภายในหนัง ก็มีความเครียดและยึดติดกับอดีตโทษตัวเอง ทำให้เกิดแรงอัดอั้นภายในจิตใจแค่สะกิดก็ระเบิด อีกตัวก็กดดันอยู่กับแรงคาดหวังของผู้อื่นมากเกินไป อีกตัวก็แลขาดความรักเล่นจนไม่สนว่าจะทำร้ายใคร ทั้งนี้ทั้งนั้นมันจึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา

จึงเห็นได้ชัดเจนว่า เหมือนผู้แต่งพยายามจะเล่าถึงปัญหาประเด็นสังคมที่ผู้คนสมัยนี้ประสบเจอกัน และทุกอย่างก็จบลงด้วยการช่วยเหลือ การเห็นอกเห็นใจ การให้อภัย การยอมรับและปรับตัว เรื่องนี้ได้ซ่อนคำสอนผ่านการกระทำของตัวละครแต่ละตัว ทำให้เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนของสังคมมากขึ้น หากเราสังเกตก็จะรับรู้สิ่งที่ผู้แต่งบทกำลังสื่อได้ค่ะ

เรื่องภาพและเสียง

ผู้เขียนอยากพูดตรง ๆ ว่า กราฟิกภาพ ของชมเรื่องฉากต่อสู้ ภายในหนังทำออกมาได้ดี แต่ผู้เขียนอยากให้มีความอลังการงานตากว่านี้อีกนิด เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ยาว ผู้ชมต่างพร้อมใจมาชมภายในโรงภาพยนตร์และเข้าใจว่าฉากส่วนใหญ่จะอยู่ภายในอาคาร อยู่ในช่วงเวลาโพล้เพล้ถึงเวลามืด ผู้เขียนจึงอยากได้เอฟเฟกต์การต่อสู้พลิ้วตระการตามากกว่าเวลานั่งดูที่บ้านเท่านั้นค่ะ แต่โดยรวมนั้นทำออกมางดงามตามแบบที่เราเคยได้ชมในซีรีส์ของแต่ละตอนค่ะ

สำหรับเสียงพากย์ผู้เขียนได้รับชมทั้งเสียงพากย์ต้นฉบับและพากย์ไทยในรอบสื่อ ไม่รู้เป็นการจงใจของทางคณะผู้จัดหรือไม่ก็มิทราบ ได้ฟังเสียงต้นฉบับประมาณ 10 นาที จากนั้นทางโรงก็ย้อนฉายตั้งแต่เริ่มเป็นพากย์ไทย จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่า เสียงพากย์ไทยนั้นดี

สำหรับผู้ใดที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างพากย์ไทยหรือต้นฉบับ ขอแนะให้ไปชมพากย์ไทยเป็นกำลังใจให้นักพากย์กันเถอะค่ะ เพราะผู้เขียนฟังแล้วมันใช่มาก มันได้มาก ยังคิดในใจโอ้โห พี่ ๆ นักพากย์ไทยเราก็ไม่แพ้ชาติใดเช่นกัน คิดไม่ออกตอนฉากต่อสู้เวลาพากย์คงต้องมีคอแตกกันไปข้างแน่ เรื่องนี้อยากแนะนำให้ไปดูพากย์ไทยมาก ๆ ค่ะ เสียงก็ 360 องศา ตัวละครพูดอยู่ข้างหลัง ก็เหมือนมาพูดอยู่ข้างหลังเราจริง ๆ😆

ที่สำคัญเพลงประกอบตอนปิด ได้นักร้องชาวไทยสาวสวยน่ารักอย่าง MindaRyn มาร้องให้ทางภาพยนตร์เรื่องนี้ กับผลงานเพลงที่มีชื่อว่า Make Me Feel better เสียงไพเราะอินเตอร์มากค่ะ ทีมเสียงไทยเราจัดเต็มทุกส่วนทั้งพากย์ทั้งร้องจริง ๆ อีกทั้งใครติดตาม น้องหลายบาทอยู่ อยากรู้น้องพากย์ตัวไหนคงต้องไปดูค่ะ ทีมคัดนักพากย์เสียงเขาคัดตามคาแรกเตอร์ของแต่ละคนจริง ๆ

ตกลงรีวิวครั้งนี้ผ่านไม่ผ่าน

ตอบง่าย ๆ ผ่าน เนื้อเรื่องเป็นเนื้อเรื่องเสริมต่อใหม่เขียนใหม่ มีตัวละครใหม่ คาแรกเตอร์ยังชัดเจนไม่ซ้ำจากตัวก่อน ๆ การเล่าเรื่องไม่ยืดแต่ต้องเป็นคนที่ติดตามและเคยดูตัวซีรีส์มาแล้วถึงจะรู้จักตัวละครต่าง ๆ ถ้าไม่เคยดูอาจมีคำถามในหัวเพราะไม่เคยรู้จักที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัว อาจทำให้ไม่อินกับบทตัวละคร มุกต่าง ๆ ที่ภายในภาพยนตร์ได้แนะนำหากจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องเคยอ่านหรือไปดูซีรีส์เป็นตอน ๆ มาก่อนค่ะ

เสียงพากย์ไทยอยากเชิญทุกคนไปดูมากค่ะ รับรู้ได้เลยว่าทีมงานพากย์ไทยทุ่มสุดเสียงทุ่มสุดตัวจริง ๆ ทีมงานคุณภาพ ใครเคยดู เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว จบทุกตอนแล้ว ก็อยากให้ไปชมภาพยนตร์ต่อ ไม่เสียเวลาแน่นอนค่ะ ยิ่งใครเป็นแฟนเรื่องนี้ยิ่งห้ามพลาดต้องดูให้ได้ค่ะ

รีวิวครั้งนี้จะเป็นการรีวิวที่จริงจังจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้รีวิวล้วน ๆ เมื่ออ่านแล้วอาจมีความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นท่านผู้อ่านบ้างท่านต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

สำหรับใครที่อยากไปดู “เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่ : สายสัมพันธ์สีชาด ทางโรงภาพยนตร์เริ่มฉายรอบปกติ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ทุกโรงภาพยนตร์ จัดจำหน่ายตั๋วที่ เว็บไซต์ Major Cineplex, Major Cineplex Application, BoxOffice E-Ticket เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ค่ะ เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่

บทความที่น่าสนใจ